แผนที่ - จังหวัดชัยภูมิ (Changwat Chaiyaphum)

จังหวัดชัยภูมิ (Changwat Chaiyaphum)
ชัยภูมิ (เดิมสะกดว่า ไชยภูมิ์) เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย แต่หากแบ่งตามภูมิศาสตร์ ชัยภูมิจะจัดอยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก ร่วมกับจังหวัดเลย และนครราชสีมา หากแบ่งตามลักษณะภูมิอากาศจะจัดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และแบ่งตามแบบเขตการปกครองจะจัดอยู่ในกลุ่มภาคอีสานตอนล่าง

แต่เดิมเมืองชัยภูมิก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยสันนิษฐานว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยทวารวดี โดยเมืองชัยภูมินั้นถือเป็นเส้นทางการเผยแพร่วัฒนธรรมทวารวดีจากภาคกลางเข้าสู่ภาคอีสาน ปรากฏหลักฐานจากใบเสมาบ้านกุดโง้งในอำเภอเมือง และใบเสมานครกาหลงที่อำเภอคอนสวรรค์ และมีกลุ่มประชาชนชาวญัฮกุร ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นชาติพันธุ์เดียวกับชาวมอญโบราณสมัยทวารวดีอาศัยอยู่ทางขอบสันเขาตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด ในเวลาต่อมาเมื่ออิทธิพลทวารวดีเสื่อมลง อิทธิพลของขอมก็เข้ามาแทน ซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับจังหวัดอื่น ๆ ของอีสานใต้ในเวลานั้น ดังปรากฏหลักฐานการสร้างปราสาทขอม เช่น ปรางค์กู่ในเขตอำเภอเมือง ปรางค์กู่บ้านแท่นในเขตอำเภอบ้านแท่น กู่แดงในอำเภอบ้านเขว้า เป็นต้น ส่วนในสมัยสุโขทัยนั้นสันนิษฐานว่าชัยภูมิน่าจะเป็นเมืองหนึ่งที่สุโขทัยครอบครองอีกด้วย

สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี สันนิษฐานว่าบริเวณจังหวัดชัยภูมิมีประชากรลาวเข้ามาอาศัยอยู่ และมีการสร้างพระธาตุหนองสามหมื่น ซึ่งอยู่บริเวณตำบลบ้านแก้ง อำเภอภูเขียวปัจจุบัน โดยมีลักษณะแบบศิลปะล้านช้าง ล้านนา และอยุธยา โดยสร้างในสมัยพระไชยเชษฐาธิราชผู้ครองเมืองลาวในยุคนั้น ในเวลาต่อมาเมืองชัยภูมิปรากฏในทำเนียบแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชว่าเป็นเมืองขึ้นกับเมืองนครราชสีมา แต่ต่อมาผู้คนได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินที่อื่น ในสมัยธนบุรี พระเจ้าตากสินหรือพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพมาปราบก๊กเจ้าพิมาย ซึ่งมีกรมหมื่นเทพพิพิธเป็นหัวหน้าก๊ก ตั้งมั่นอยู่ที่เมืองพิมายและต่อมาได้ ยึดเมืองนครราชสีมาเป็นที่ตั้งมั่น เจ้าพิมายให้พระยาวรวงษาธิราชคุมทัพไปตั้งรับเพื่อตีสกัดทัพพระเจ้าตากสินที่ด่านขุนทดและถูกกองทัพ พระเจ้าตากสินตีจนแตกพ่ายในที่สุดในกรณีศึกครั้งนี้อาจารย์คำผู้นำหมู่บ้านสี่มุมได้นำชาวบ้านเข้าสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าตากสินและขออาสาเป็น กองกำลังร่วมสู้รบในกองทัพหลวงด้วย พระเจ้าตากสินทรงยินดีรับไว้และให้เป็นกองกำลังเข้าตีด่านจอหอจนแตกพ่ายสามารถยึดเมืองพิมายและเมือง นครราชสีมาคืนมาได้ในครั้งเข้าตีด่านจอหอ กองกำลังของบ้าน สี่มุมโดยการนำของอาจารย์คำได้แสดงความสามารถในการรบอย่างกล้าหาญ เข้มแข็งเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าตากสินเป็นอย่างมาก เมื่อเสร็จการศึกสงครามจึงได้ปูนบำเหน็จความชอบให้อาจารย์คำเป็น “พระนรินทร์สงคราม” ยกฐานะบ้านสี่มุมขึ้นเป็น “เมืองสี่มุม” (ในเขตอำเภอจัตุรัส ในจังหวัดชัยภูมิปัจจุบัน) ให้ปกครองเมืองสี่มุมให้ขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 1 หมื่นอร่ามกำแหง หรือนายภูมีชาวเมืองนครไทยซึ่งเป็นคนเชื้อสายหลวงพระบาง ได้เข้ามาตั้งบ้านแปงเมืองในเขตพื้นที่บริเวณอำเภอคอนสารในปัจจุบัน และขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ในสมัยรัชกาลที่ 2 ปี พ.ศ. 2352 ในเขตอำเภอภูเขียว และเกษตรสมบูรณ์ มีชุมชนลาวเวียงจันทน์อพยพ คือหลวงไกรสิงหนาท ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และเมื่อปี พ.ศ. 2360 "นายแล" ข้าราชการสำนักเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทน์ได้อพยพครอบครัวและบริวารเดินทางข้ามลำน้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านหนองน้ำขุ่น (หนองอีจาน) ซึ่งอยู่ในบริเวณท้องที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาในปัจจุบัน

ต่อมาในปี พ.ศ. 2362 เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มาก นายแลก็ได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้ำอ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ 6 กิโลเมตร นายแลได้เก็บส่วยผ้าขาวส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์จนได้รับบำเหน็จความชอบแต่งตั้งเป็น "ขุนภักดีชุมพล" ในปี พ.ศ. 2365 นายแลได้ย้ายชุมชนอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่เดิมกันดารน้ำ มาตั้งใหม่ที่บริเวณบ้านหลวงซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด (เขตอำเภอเมืองชัยภูมิปัจจุบัน) และได้หันมาขึ้นตรงต่อเมืองนครราชสีมา และส่งส่วยทองคำถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อเจ้าอนุวงศ์อีกต่อไป พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายกบ้านหลวงขึ้นเป็น เมืองชัยภูมิ และแต่งตั้งขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น "พระยาภักดีชุมพล" เจ้าเมืองคนแรก

ต่อมาเจ้าอนุวงศ์ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้ามาหมายจะตีกรุงเทพมหานคร โดยหลอกหัวเมืองต่าง ๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาช่วยกรุงเทพมหานครรบกับอังกฤษ จนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมืองนครราชสีมาได้เมื่อปี พ.ศ. 2369 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นต่อมาเมื่อความแตก เจ้าอนุวงศ์ได้กวาดต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำไปยังเมืองเวียงจันทน์

เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนำของคุณหญิงโม ภรรยาเจ้าเมืองนครราชสีมา ได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ พระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิ พร้อมด้วยเจ้าเมืองใกล้เคียงได้ยกทัพออกไปสมทบกับคุณหญิงโม ตีกระหนาบทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์จนแตกพ่ายไป ฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมืองนครราชสีมาเข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้และเกลี้ยกล่อมให้พระยาภักดีชุมพลเข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เกิดความแค้นจึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิตที่บริเวณใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ดังที่มีกล่าวในเรื่องเล่าหรือตำนานของชาวชัยภูมิ และเป็นที่มานามของท่านที่ถูกเรียกว่า เจ้าพ่อพระยาแล ซึ่งมีความเป็นมาจาก ปู่ด้วงผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดอย่างมากกับนายแล แม้ประวัติของปู่ด้วงจะไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน เป็นเพียงคำบอกเล่าและบันทึกของคนท้องถิ่น (พระครูศรีพิพัฒนคุณ และสุรวิทย์ อาชีวศึกษาคม อ้างในกรมศิลปากร 2542 : 146-147) พบว่า ปู่ด้วงเป็นชาวเขมร เข้ามาอยู่ชัยภูมิก่อนที่พระยาภักดีชุมพล (แล) จะอพยพผู้คนมาตั้งเมือง ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อบางกระแสที่ว่า ปู่ด้วงเป็นชาวอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพราะชาวศรีสะเกษส่วนมากจะพูดภาษาเขมรและภาษาส่วย เป็นภาษาพูดแต่โบราณ นอกจากนี้ ชาวชัยภูมิยังเชื่อว่า ปู่ด้วงได้พาครอบครัวมาตั้งหลักฐานที่บ้านตาดโตน(ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ) ท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมและเวทมนตร์ ทำให้นายแลเกิดความเลื่อมใสและขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาอาคมให้อยู่ยงคงกระพัน ฟันไม่เข้าและยิงไม่ออก และยังส่งผลให้นายแลมีความกล้าหาญ ไม่กลัวที่จะตาย จนเป็นที่มาของเรื่องเล่าในตอนที่ท่านพลีชีพเพื่อแผ่นดินชัยภูมิในช่วงกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ว่า ศัตรูจะยิงแทงฟันอย่างไรก็ไม่เข้า จึงต้องใช้หลาวแหลมเสียบทวารหนักจนถึงแก่ชีวิต เมื่อปู่ด้วงรู้ข่าวกลัวภัยจะมาถึงตัว จึงรีบอพยพหลบหนีจากบ้านตาดโตนเข้าป่าลึก ในเทือกเขาภูแลนคา อาศัยอยู่ป่าท่าหินโงม ซึ่งจะปรากฏมีวัดปู่ด้วงมาจนบัดนี้ ซึ่งต่อมาชาวชัยภูมิได้ระลึกถึงคุณความดีที่ท่านมีความซื่อสัตย์และเสียสละต่อแผ่นดิน จึงได้พร้อมใจกันสร้างศาลขึ้น ณ บริเวณนั้น ปัจจุบันทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทยชื่อว่า "ศาลาพระยาภักดีชุมพล (แล)" มีรูปหล่อของท่านอยู่ภายใน เป็นที่เคารพกราบไหว้และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัด ตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดชัยภูมิประมาณ 3 กิโลเมตร

หลังจากกองทัพลาวของเจ้าอนุวงศ์พ่ายแพ้ต่อทัพสยาม สยามได้จับเจ้าอนุวงศ์ส่งมารับโทษที่กรุงเทพฯ เมื่อกองทัพไทยบุกเข้ายึดเวียงจันทน์ได้สำเร็จ เจ้าอนุวงศ์พยายามหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากญวนเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่ด้วยความร่วมมือของเจ้าน้อยเมืองพวน ไทยจึงสามารถตามจับเจ้าอนุวงศ์และเชื้อพระวงศ์ส่งลงมากรุงเทพฯได้ โดยมีพระอนุรักษโยธา พระโยธาสงคราม หลวงเทเพนทร์ พระนครศรีบริรักษ์เจ้าเมืองขอนแก่น ราชวงศ์เมืองชลบทวิบูลย์หรือชนบท ซึ่ง 2 ท่านสุดท้ายสืบเชื้อสายมาจากเจ้าจารย์แก้ว คู่อริเดิมของเวียงจันทน์ เป็นนายกอง พร้อมไพร่ 300 คน คุมตัวเจ้าอนุวงศ์และเชื้อพระวงศ์มาส่งถึงเมืองสระบุรี หลังจากนั้นก็ทำกรงขังเจ้าอนุวงศ์ตั้งประจานไว้กลางเรือล่องลงมาจนถึงกรุงเทพฯ แล้วทรงมีรับสั่งให้ทำกรงเหล็กขนาดใหญ่ใส่เจ้าอนุวงศ์ตั้งประจานไว้หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์พร้อมเครื่องทรมานต่าง ๆ ได้แก่ ครก สากสำหรับโขลก เบ็ดสำหรับเกี่ยวแขน กระทะสำหรับต้ม ขวานผ่าอก และเลื่อย ให้เหล่าบรรดาภรรยาน้อยสาว ๆ ของเจ้าอนุวงศ์ที่เจ้าพระยาราชสุภาวดีส่งตามลงมาจากเวียงจันทน์ เข้าไปนั่งปรนนิบัติอยู่ในกรง ตกคํ่าจึงนำตัวเจ้าอนุวงศ์ไปคุมขัง พอเช้าก็นำตัวออกมาใส่กรงประจานเหมือนเดิม ทำอยู่เช่นนี้ 7 – 8 วันเจ้าอนุวงศ์ก็สิ้นพระชนม์ หลังจากนั้นโปรดฯ ให้เอาศพเจ้าอนุวงศ์ไปเสียบประจานไว้ที่สำเหร่ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บุตรหลานของเจ้าอนุวงศ์บางคนพ้นโทษ (เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, ๒๕๐๔, หน้า ๙๑ – ๙๓)

ต่อมาเมืองชัยภูมิขึ้นกับเมืองชลบถวิบูลย์(อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น) ขณะนั้นนับว่าเมืองชนบทเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญมีเมืองขึ้นถึง 4 เมือง คือ

1. เมืองเกษตรสมบูรณ์

2. เมืองชัยภูมิ ( ต่อมาเป็นศูนย์กลางของชัยภูมิจึงได้รับการยกฐานะ เป็นจังหวัด) 
แผนที่ - จังหวัดชัยภูมิ (Changwat Chaiyaphum)
ประเทศ - ไทย
สกุลเงินตรา / Language  
ISO สกุลเงินตรา สัญลักษณ์ เลขนัยสำคัญ
THB บาท (Thai baht) ฿ 2
ISO Language
TH ภาษาไทย (Thai language)
Neighbourhood - ประเทศ  
  •  มาเลเซีย 
  •  ลาว 
  •  สาธารณรัฐเขมร 
  •  เมียนมา